สวัสดีค่ะเพื่อนๆพี่ๆน้องทุกคน ขออนุญาตแนะนำตัวนะคะ ชื่อน้ำหวานค่ะ
เริ่มมาเรียนที่ KICL ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2016 ปัจจุบันนี้ก็เรียนมาจนถึงเทอมสุดท้ายแล้ว
และกำลังจะสำเร็จการศึกษาในเดือนกันยายน ปี 2018 รวมทั้งสิ้นคือใช้เรียนเรียนภาษาญี่ปุ่นที่โรงเรียนนี้เป็นเวลาทั้งหมดสองปีค่ะ
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเรียนนานจัง
เพราะว่าก่อนหน้าที่จะมาเรียนที่นี่ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่นเลยค่ะ
พูดง่ายๆก็คือเริ่มต้นจากศูนย์นั่นเอง เลยคิดว่าไหนๆจะมาเรียนทั้งที ถ้าสามารถเรียนเต็มที่ได้สองปีก็จัดไปเลยค่ะ
จากวันนั้นจนถึงวันนี้
คิดว่าไม่เสียใจเลยค่ะที่ตัดสินใจมาใช้ชีวิตอยู่ในญี่ปุ่นนานขนาดนี้
เพราะนอกจากจะเรียนภาษา เช่น ฟัง พูด อ่าน เขียน จากระดับเริ่มต้นในชั้นเรียนระดับต้น
2 หรือเทียบเท่ากับระดับ N4 มาจนถึงปัจจุบันซึ่งเรียนอยู่ระดับชั้นกลาง
3 หรือเทียบเท่ากับระดับ N2 ได้ (ทันคนอื่น ^^) แล้ว
นอกจากนั้นยังได้ประสบการณ์การใช้ชีวิตในญี่ปุ่นมามากมายเลยค่ะ
เมื่อพูดถึงประสบการณ์การใช้ชีวิตในญี่ปุ่น
ระหว่างที่เรียนภาษาญี่ปุ่นไปด้วย
ทางโรงเรียนก็จะมีข่าวสารและกิจกรรมมากมายมาประชาสัมพันธ์ให้นักเรียนได้ทราบเป็นระยะๆ
ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับวัฒนธรรม การทำกิจกรรมร่วมกับนักศึกษามหาวิทยาลัย
และการออกไปทำกิจกรรมนอกสถานศึกษา เป็นต้น
ส่วนตัวแล้วสิ่งที่เลือกทำและประทับใจมากที่สุดคือการออกไปทำกิจกรรมนอกสถานศึกษาค่ะ
โดยกิจกรรมที่เลือกทำนี้คือการเป็นอาสาสมัครล่ามแปลภาษา
(ไทย อังกฤษ และญี่ปุ่น) ในงานเกียวโต มาราธอน ปี 2018 ที่จัดไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ค่ะ
ถือว่าเป็นงานที่สนุกมากจริงๆค่ะ เพราะได้พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา
และจำเป็นต้องสื่อสารกับนักกีฬาที่สมัครมาวิ่งมาราธอนแทบจะตลอดเวลาเลย
โดยส่วนใหญ่แล้วจะได้พูดภาษาญี่ปุ่นมากที่สุดค่ะ 555 ซึ่งก็ถือว่าได้เรียนรู้การใช้ภาษาระดับยกย่อง (尊敬語)ไปด้วย
(เพราะเป็นอาสาสมัครเนอะ ฉะนั้นก็ต้องใช้ภาษาระดับยกย่องกับนักกีฬาทั้งหลาย ^^)
แต่ก็มีชาวต่างชาติสมัครมาวิ่งเหมือนกันนะคะ เลยมีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษด้วย
แต่ที่คาดไม่ถึงเลยก็คือพี่ก้อย รัชวินก็ลงสมัครมาวิ่งกับเขาด้วย! งานนี้เลยได้ใช้ภาษาไทยพูดด้วยเลยค่ะ
นับว่าดีใจและประทับใจมากที่ได้เจอพี่ก้อยตัวจริง
และเหนือสิ่งอื่นใดคือรู้สึกยินดีกับตัวเองมากค่ะที่เราเลือกจะลงสมัครทำกิจกรรมนี้ตอนที่โรงเรียนมาประชาสัมพันธ์
ต่อมาก็คือการเป็นอาสาสมัครในค่ายภาษาอังกฤษที่โอซาก้ากับเด็กญี่ปุ่นชั้นประถมศึกษาค่ะ
งานนี้ได้เจอเพื่อนต่างชาติมากมายเลย อาทิเช่น เซเนกัล เวียดนาม อเมริกา
และมาเลเซีย ซึ่งเป็นอะไรที่สนุกมาก เวลาอยู่กับเพื่อนร่วมทีมก็จะพูดภาษาอังกฤษกัน
(ซึ่งเป็นการทบทวนภาษาอังกฤษที่เริ่มจะลืมๆไปหลังจากที่มาเรียนญี่ปุ่นเป็นเวลานานๆ)
และได้พูดภาษาญี่ปุ่นผสมอังกฤษกับน้องๆทั้งหลายค่ะ ขอบอกว่างานนี้ต่างจากกิจกรรมแรกตรงที่กิจกรรมแรกต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นรูปยกย่องในการพูด
แต่คราวนี้สามารถใช้ภาษาระดับธรรมดาไปจนถึงประโยคคำสั่งได้เลยค่ะ
(ก็เด็กอายุน้อยกว่า บางทีเราสามารถสั่งให้เด็กทำนู่นนั่นนี่ได้ ^^)
และน้องๆก็น่ารักมาก (แถมบางครั้งก็ซนมากๆด้วย 555)
พอได้มาทำกิจกรรมนี้
เหมือนได้เรียนรู้สังคมของเด็กญี่ปุ่นในโรงเรียนแบบจำลองภายในระยะเวลาสั้นๆไปด้วยเลยค่ะ
กิจกรรมสุดท้ายคืองานวัฒนธรรมที่โรงเรียนจะจัดในเทอมฤดูร้อนของทุกๆปีค่ะ
ในงานวัฒนธรรมนี้ก็จะมีกิจกรรมมากมายให้เลือกทำ แต่โดยส่วนตัวแล้วมีความสนใจอยากจะลงกิจกรรมการเต้นรำโอโดริค่ะ
สาเหตุก็เพราะว่าได้ใส่ชุดกิโมโนนั่นเอง! กิจกรรมนี้จะมีอาจารย์ของที่โรงเรียนเป็นคนพาเราไปที่สถาบันเรียนเต้นโอโดริค่ะ
พอไปถึง ก็จะมีเจ้าหน้าที่ในสถาบันเอาชุดกิโมโนมาให้เลือกและช่วยแต่งตัวให้ด้วย
จากนั้นก็ถึงเวลาเรียนเต้น
ได้ยินมาว่าอาจารย์ที่สอนเต้นนั้นเคยเป็นไมโกะซังที่เคยแสดงงานอยู่แถวๆย่านกิองด้วยนะคะ! อาจารย์ที่สอนเต้นก็มาสอนท่าง่ายๆให้เราได้เต้นตามพอเป็นพิธี
ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นความทรงจำที่ดีที่ได้มาทำอะไรแบบนี้ค่ะ
สุดท้ายนี้ การมาเรียนที่ญี่ปุ่นไม่ใช่แค่ว่าจะสามารถเรียนรู้ภาษาได้เร็วกว่าการเรียนในประเทศไทยเท่านั้น
แต่เรายังได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในญี่ปุ่นและยังได้ประสบการณ์ดีๆที่อาจหาไม่ได้ในประเทศไทย
เป็นความทรงจำกลับไปด้วยนะคะ
0 件のコメント:
コメントを投稿