ฝ้าย อายุ 27 ค่ะ จริงๆ
ชอบภาษาญี่ปุ่นมานานตั้งแต่ม.ปลายแล้ว เรียนๆเลิกๆมาก็หลายครั้ง ด้วยเวลาและปัจจัยหลายๆอย่าง
จนสุดท้ายหลังทำงานมาได้ 3-4 ปี เริ่มอยากออกไปทำในสิ่งที่อยากทำ
อยากไปอยู่ที่ญี่ปุ่นเพื่อเรียนสิ่งที่อยากเรียนมานานอย่างจริงจัง เลยตัดสินใจว่าต้องแล้ว
ไม่งั้นถ้าช้ากว่านี้สมองอาจจะแก่เกินไปสำหรับการเรียนภาษาที่ 3 !!!
ตอนตัดสินใจเลือกโรงเรียนก็ลังเลอยู่หลายที่
จนสุดท้ายตัดสินใจเลือกที่ KICL ด้วยเหตุผลหลักๆ
2 เรื่อง คือ
1.ฝ้ายไม่อยากไปอยู่โตเกียว
เพราะฝ้ายมีญาติอยู่ที่นั้น ฝ้ายกลัวฝ้ายใช้ภาษาได้ไม่เต็มที่ ประกอบกับอยากได้เมืองที่สงบๆหน่อยแต่ไม่ยังเดินทางเองได้สะดวก
มีธรรมชาติล้อมรอบ มีเอกลักษณ์ในความเป็นญี่ปุ่นมากๆ
2.
ฝ้ายมีรุ่นพี่ที่ฝ้ายชื่นชอบในความคิดของพี่เขาอยู่ เป็นไอดอลเลยก็ว่าได้ พี่เขาเป็นคนมีทัศนคติที่ดี
กล้าคิดกล้าทำ ค้นหาตัวเองจากการมาอยู่ที่ญี่ปุ่น เขาเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียน KICL
ฝ้ายเลยไม่ลังเลที่จะตัดสินใจเลือกที่นี่
แล้วชีวิตอย่างที่ฝ้ายอยากทำก็เริ่มขึ้น
ก่อนการเปิดเรียน จะมีการจัดระดับเข้าห้องเรียน จากพื้นความรู้ประมาณ N5
ซึ่งถือว่าน้อยมาก
แต่ด้วยอะไรก็ตามที่ทำให้ผลสอบออกมาเป็น ได้อยู่ระดับกลาง1 「中級1」
สำหรับฝ้าย แว่บแรกก็ดีใจ เพราะคิดว่าเฮ้ย
เราจะได้มีโอกาสเรียนสิ่งที่ยากขึ้นเยอะๆ จะได้พูดเขียนเป็นเร็วๆ
แต่เล้วเมื่อลองเรียนไป 1 วีค ก็รู้เลยว่า ที่นี่หลักสูตรแน่นมาก การบ้านเพียบ
สอบวันเว้นวันได้ ต้องทบทวนทุกวัน แถมต้องอ่านล่วงหน้าก่อนไปเรียนอีก
เคยท้อจนอยากขอย้ายลงไประดับต้น 2 「初級2」 แต่เซนเซย์
( ครู ) ก็ให้คำปรึกษาที่ดี แนะนำทริคการเรียนต่างๆ จนฝ้ายฮึ่ดสู้ต่อได้
ฝ้ายเรียนที่นี่ 1 ปี ตอนเรียนจบอยู่ในระดับกลาง 3「中級3」
ในห้องเรียนทั้ง 2 เทอม ฝ้ายโชคดีที่เจอเซนเซย์ดี สอนเข้าใจง่าย สอนสนุก
และยังเป็นเซนเซย์ที่สนใจในเรื่องของประเทศไทยอยู่แล้วด้วย ยิ่งคุยกันสนุกมากขึ้น ตอนเรียนจบก็สอบได้
N3
ซึ่งถือว่ากว่าจะผ่านมาได้ก็ต้องอดทนเอาการเลย
แน่นอนว่าการมาเรียนญี่ปุ่น
สิ่งที่หลายคนได้อีกอย่างคือ เที่ยว!!!
การออกไปเจอผู้คน เปิดโลกใหม่ๆกับที่ใหม่ๆ
มันทำให้สมองเราเปิดโล่งพร้อมรับสิ่งใหม่ๆเข้ามา ได้ผ่อนคลายแบบที่ไม่เคยรู้สึก
สนุก เต็มอิ่มกับทริปหลายๆที่ในญี่ปุ่นกับแก็งเพื่อน ซึ่งทั้งหมดที่เขียนมา
ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่นักเรียนไทยคนนึงจะหาสิ่งเหล่านี้เจอได้ทั่วไป
ใครจะรู้ว่าการที่ฝ้ายตัดสินใจเอาเงินเก็บก้อนเดียวที่มีมาเรียนต่อภาษานี้จะทำให้ฝ้ายได้มากกว่า
“ภาษาญี่ปุ่น”
จุดเริ่มต้นอีกส่วนนึงของการใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น
เริ่มต้นเมื่อฝ้ายไปร่วมกิจกรรมวัฒนธรรมญี่ปุ่นของโรงเรียน ฝ้ายเลือกไปทำขนมวากาชิ
ขนมญี่ปุ่น 「和菓子」วันนั้นเป็นวันที่ฝ้ายรู้สึกเลยว่า
เจอแล้ว!!!! สิ่งที่เราหลงไหลกับมันมากๆ
สิ่งที่เราอยากรู้จักมากกว่านี้ จากทุนเดิมที่เป็นคนชอบทานขนม ชอบทำขนม
พอฝ้ายเห็นในความประณีต ความละเอียด ความตั้งใจในการทำขนม 1 ชิ้นของคนญี่ปุ่น
มันทำให้ฝ้ายตัดสินใจหาโรงเรียนและสถานที่ที่เขาสอนเวิร์คช้อปทำขนมในเกียวโต
จนสุดท้ายฝ้ายก็ได้ไปลองเวิร์คช้อปมาหลายๆที่ ทำขนมวากาชิที่ต่างแบบกันไป ลงเรียนเสียตังค์บ้าง
ฟรีบ้าง จนวันที่ภาษาฝ้ายเริ่มแข็งแรงขึ้น อยากลองเรียนทำขนมปัง ทำเค้ก
สไตล์ญี่ปุ่นอย่างจริงจัง เลยลงเรียนไปหลายคอร์สเลย
เรียกว่าไปเรียนทำขนมวันเว้นวันก็ว่าได้ เซนเซย์สอนสนุก เข้าใจง่ายมาก
ยิ่งพอเขาเห็นเราเป็นต่างชาติ เขาจะยิ่งเอาใจใส่เราเป็นพิเศษ
ด้วยความที่เขากลัวเราไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาสอน จนทุกวันนี้ก็ยังไลน์คุยกับเซนเซย์อยู่
😊 พอเราทำขนมกลับมาก็แบ่งเพื่อนทานบ้าง
แบ่งเทนโจ เจ้าของร้านที่เราทำงานพิเศษบ้าง
มันเลยทำให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดีย แชร์รอยยิ้ม แชร์ความสนุก กับคนรอบข้าง
อีกส่วนนึงที่ฝ้ายได้สัมผัสมาจริงๆและประทับใจมากๆคือ
ความเป็นญี่ปุ่นของคนญี่ปุ่น ร้านที่ฝ้ายทำงานพิเศษด้วยเป็นร้านอาหารไทยแต่เทนโจ
คือลุงเจ้าของร้านเป็นคนญี่ปุ่น
การทำงานที่นี่ทำให้ฝ้ายเห็นทุกรายละเอียดที่เทนโจใส่ใจลูกค้า
จำสิ่งที่ลูกค้าชอบได้ มองแทนลูกค้าในหลายๆมุม
เรียกได้ว่าเทนโจกลายเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ฝ้ายไปแล้ว เวลาเจอเรื่องอะไรมา
เทนโจเป็นที่พักใจที่ดีที่สุด อีกมุมที่ฝ้ายไปสัมผัสมาคือการไปทำ WWOOF
ที่ฟุกุโอกะ
2 อาทิตย์ มันคือการที่เราไปเป็นอาสาสมัครทำงานในไร่ผลไม้ให้คนญี่ปุ่น
เพื่อแลกกับที่พัก แลกกับอาหาร ฝ้ายได้สัมผัสถึงการใช้ชีวิตจริงๆของคนญี่ปุ่น
เห็นถึงความประหยัดของเขา การมองการณ์ไกลในทุกจุด
แม้หลายคนอาจจะมองว่าก็แค่ทำไร่ผลไม้ แต่โฮสต์เขาจะมีวิธีคิดที่เป็นลำดับขั้นตอน เราเลยซึมซับบางอย่างกลับมาโดยไม่รู้ตัว
สิ่งเหล่านี้
มันเป็นอะไรที่มากกว่าที่เราคิดไว้ แต่แล้วใครจะคิดว่า หลังจากฝ้ายกลับจากเรียนที่
KICL อะไรก็ตามที่ทำให้พี่คนที่เราเห็นเข้าเป็นไอดอลมาตลอด
ตัดสินใจรับเราเข้าทำงานด้วย!!!!!! พี่คนนั้นคือ
พี่ปริญญ์ ที่เป็นที่รู้จักของน้องๆ KICL หลายๆคน
ตอนนี้ ฝ้ายทำ
Marketing ที่ Phoenix
Lava ของพี่ปริญญ์
และที่ทำให้อมยิ้มทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้ก็คือ ที่
Phoenix Lava มีเด็ก KICL
ถึง
4 คน คือ พี่ปริญญ์ แฟนพี่ปริญญ์ พี่ที่ทำกราฟฟิคดีไซน์ และฝ้าย
พอมีคนที่มาจากที่เดียวกันมารวมตัวกัน ก็จะมีความสบายใจในการพูดคุยมากกว่าปกติ เรามีแนวคิดหลายๆอย่างที่เหมือนกัน
เมื่อทำงานด้วยกันเลยทำให้การทำงานในทุกๆวันของฝ้ายไม่เหมือนการทำงานประจำตามบริษัทอื่นๆผ่านมา
หลายคนอาจจะมองว่าไม่เห็นได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นเลย ทำไมไม่ทำบริษัทญี่ปุ่น .... สำหรับฝ้าย
หลังจากที่อยู่กับตัวเองที่ญี่ปุ่นมาคนเดียวสักพักนึง มันทำให้ฝ้ายรู้ว่า
ฝ้ายอยากเลือกทำในสิ่งที่ฝ้ายรัก ในสิ่งที่ฝ้ายชอบ และหลงใหลกับมัน การได้เรียนรู้งานจากคนที่เรานับถือเขาเป็นไอดอลมาตลอด
มันเป็นแรงบันดาลใจสำคัญมากๆที่ทำให้ทุกวันที่ทำงานที่นี่มีแต่รอยยิ้ม
แต่ฝ้ายก็ไม่เคยเสียดายที่ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นมาแต่ไม่ค่อยได้ใช้ทำงานจริง
เพราะเอาจริงๆแล้ว ที่ Phoenix Lava ฝ้ายก็มีทั้งคุยกับ
Supplier มีติดต่อกับสื่อที่เป็นคนญี่ปุ่นบ้าง
ออกบูทที่ต้องพรีเซ้นต์ร้านให้คนญี่ปุ่นฟังบ้าง สิ่งเหล่านี้มันยังทำให้เรายังได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นอยู่
หรือหลายคนที่ไปเรียนกลับมาแล้วไม่ได้ใช้นานๆจะกลัวลืม
จริงๆแล้วมันก็มีวิธีทบทวนได้อยู่ตลอด ทั้งดูหนัง ฟังเพลง คุยกับเพื่อนคนญี่ปุ่น
เพราะฉะนั้นใครที่กำลังเจอปัญหาคิดไม่ตกในเรื่องต่างๆ
ทั้งการจะก้าวออกจาก Comfort zone การต้องมาเจออะไรที่ไม่เคยเจอมาก่อน ก็อยากให้ทุกคนได้
“ลองทำ” ลองทำ กล้าที่จะทำ เพื่อที่จะได้รู้ว่าผลลัพธ์ของมันเป็นยังไง
ดีกว่าไม่ได้ลองทำอะไร แล้วมาเสียดายทีหลัง เลือกทำในสิ่งที่ใจเราต้องการ
ลองในสิ่งใหม่ๆที่ไม่เคยลอง อดทนในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
แล้วรอยยิ้มกว้างๆที่ออกมาจากใจจริงๆจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ^^
0 件のコメント:
コメントを投稿